Filler ใต้ตา

เลือกอ่าน..ฟิลเลอร์ใต้ตา

1. ปัญหาผิวรอบดวงตาที่พบบ่อย

2. รีวิวการฉีดแก้ปัญหาใต้ตา

3. วิธีแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาที่นิยม

4. ฉีดใต้ตาช่วยอย่างไรบ้าง

5. คำแนะนำก่อนฉีดใต้ตา

6. การดูแลตัวเองหลังฉีดใต้ตา

7. บริเวณไหนอีกบ้างที่นิยมฉีดฟิลเลอร์

8. คำถามที่พบบ่อย

9. โปรโมชั่นและโปรแกรมการดูแลผิวอื่นๆ

ปัญหาผิวรอบดวงตาที่พบบ่อย

1. รอยคล้ำรอบดวงตา ตาแพนด้า

2. ใต้ตาลึกโบ๋ ทำให้ใบหน้าดูอิดโรย ดูเหนื่อยล้า

3. ใต้ตาคล้ำจากพันธุกรรม

4. ผิวรอบดวงตาขาดความชุ่มชื้น ทำให้เกิดริ้วรอยเล็กๆได้ง่าย

5. มีริ้วรอย ตีนกา ผิวแห้ง เหี่ยวย่นง่าย

รีวิวการฉีดแก้ปัญหาใต้ตา

*รูปถ่ายหลังทำทันทีผลการรักษาจะดีขึ้นหลัง 24 ชม.

วิธีแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาที่นิยม

1. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา (Filler) ไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เป็นสารที่นิยมในการฟื้นฟูผิวบริเวณรอบๆเปลือกตา ช่วยใต้ตาให้แลดูอ่อนกว่าวัย เห็นผลลัพธ์ในช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์และโดยทั่วไปฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน

ข้อดีคือ เห็นผลรวดเร็วในเวลาอันสั้น สวยดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องพักฟื้น

ข้อเสีย ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญแพทย์สูง เนื่องจากบริเวณใบหน้าคนเรามีเส้นประสาทค่อนข้างมาก หากฉีดพลาดเข้าไปเส้นปลายประสาทตา เสี่ยงทำให้อุดตันเส้นเลือดและตาบอดได้ มีฟิลเลอร์ระบาดมาก จึงควรเลือกสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและออกมาสวยแค่ไหน ขึ้นกับฝีมือแพทย์ผู้ทำการฉีด และคุณภาพของฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นสำคัญ การฉีดใต้ตาซึ่งเป็นบริเวณที่ละเอียดอ่อน มีความเสี่ยงและต้องใช้ความระมัดระวังสูง ต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์แพทย์มาก ผู้ฉีดจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยมาก่อน ดังนั้นการจะฉีดให้ออกมาสวยงามและปลอดภัยด้วยจึงเป็นงานที่ยากพอสมควร แม้สาร Hyaluronic Acid จะสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติด้วย แต่หากแพทย์ผู้ฉีดไม่เชี่ยวชาญอาจทำให้เกิดปัญหารอยนูนเป็นเส้นตัวหนอน หรือฉีดแล้วเป็นก้อน ต้องใช้ความประณีตและควรฉีดให้สวยในครั้งเดียว จึงแนะนำให้คนไข้ที่จะฉีดใต้ตาควรเลือกแพทย์ที่ชำนาญให้ดี

2. ฉีดไฮยาลูรอนิกแบบน้ำใต้ตา ฉีดตัวยาเข้าไปบริเวณผิวหนังที่คล้ำ ขาดน้ำ ให้กลับมาเปล่งปลั่ง อิ่มฟู  เรียบเนียน เหมาะกับคนที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ผิวที่มีริ้วรอยตื้นเล็ก การฉีดไฮยาลูรอนิกแบบน้ำจะเห็นผลดีก็ต่อเมื่อทำการฉีดอย่างน้อย 2-3 ครั้ง 

3. ฉีดไขมันใต้ตา เป็นการนำไขมันของตัวเองตามส่วนต่างๆของร่างกายมาฉีดเพื่อแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ

ข้อดีคือ ไม่เกิดอาการแพ้เนื่องจากเป็นเซลล์ไขมันของตนเอง เหมาะกับบริเวณร่องใต้ตาลึกและกว้าง

ข้อเสีย ควบคุมผลลัพธ์ได้ยากกว่าวิธีอื่นๆ แก้ไขยากเพราะหากฉีดเป็นก้อนจะไม่สามารถสลายได้ ขั้นตอนการทำยุ่งยาก

 

ฉีดใต้ตาจะช่วยอย่างไร

  • ฟื้นฟูสภาพผิว รอยหมองคล้ำให้จางลง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตาอันเป็นสาเหตุให้ใบหน้าดูอิดโรย ไม่สดใส
  • ผู้ที่มีตาลึก ตาโบ๋ กระดูกใต้ตายุบตัวลง เติมเต็มผิวใต้ตาช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบ ดูเด็กขึ้น แลดูสดใสขึ้นได้
  • แก้ปัญหาใต้ตาที่เกิดจากพันธุกรรม คาคล้ำ ตาโหล ขอบตาดำ ฟื้นฟูสภาพผิวให้ชุ่มชื้นสมบูรณ์ขึ้น
  • ปัญหาริ้วรอยเล็ก หรือลึกรอบดวงตา ช่วยเติมให้ริ้วรอยหายไป

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเตรียมตัวอย่างไรดี

1. ควรหยุดรับประทานยา หรืออาหารเสริมบางประเภท เช่น กลุ่มแอสไพริน อีฟนิ่งพิมโรส วิตามิน e อย่างน้อย5-7วัน เพื่อลดอาการฟกช้ำ

2. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 วัน ก่อนการรักษา

3. ตรวจสอบสภาวะร่างกายว่าอยู่ในสภาพที่แข็งแรงปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคชัก โรคลมบ้าหมู

4. เช็คข้อมูลแพทย์ผู้ที่ทำหัตถการ ดูความน่าเชื่อถือ จำนวนปีที่ทำงานมา ใบประกาศนียบัตรต่างๆ ใบผ่านการอบรม

ทำไมควรฉีดใต้ตากับเรา

1. แนะนำแนวทางการรักษาที่ตรงไปตรงมา แก้ไขเฉพาะเจาะจงตามปัญหาของเคสนั้นๆ ไม่รักษาเกินความจำเป็น

2. คนไข้สามารถวางแผนโปรแกรมการรักษาร่วมกับหมอได้ เช่น เลือกทำหัตถการที่เหมาะสมตามแต่ละช่วงเวลา หรือเปรียบเทียบแนวทางการรักษาวิธีฉีดใต้ตากับการรักษาแบบอื่น

3. ระบบติดตามผลการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

4. ประสบการณ์รักษา 15 ปี แบบไม่มีประวัติไม่ดี Zero claim จึงมั่นใจความปลอดภัย และผลลัพธ์อันเป็นรูปธรรมได้

5. ใช้เคสรีวิวจากคนไข้ที่ได้รับการรักษาจริง ไม่มีการตลาดแอบแฝง

การปฎิบัติตัวหลังการฉีด

1. ไม่ควรแต่งหน้าหลังจากการฉีดอย่างน้อย 12 ชม. เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อจากฝุ่นหรือผงแป้ง

2. งดการออกกำลังกายหนักๆ 1-2 วันหลังจากการฉีด

3. หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำร้อนหรือประคบผ้าร้อนบริเวณที่ฉีด 1-2 วันหลังการฉีด

4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้

5. ควรดื่มน้ำมากๆ เพิ่มความชุ่มชื่นโดยเฉพาะช่วงฉีดแรกๆ

ฟิลเลอร์ช่วยให้หน้าสวยยังไงได้อีกบ้าง นอกจากฉีดใต้ตา

 

FAQ คำถามพบบ่อย

Q: หลังทำกี่วันจึงจะเห็นผล

A: เริ่มเห็นผลหลังการฉีด 3-5วัน ช่วงเวลา 2-3 วันแรกหลังการรักษา อาจมีอาการบวมบ้างเล็กน้อยตามสภาพผิวคนไข้แต่ละคน และจะค่อยๆยุบหายไปเอง เมื่อผิวใต้ตาเข้าที่แล้วจะสวยฟูกระชับเต็มที่

Q: ต้องทำบ่อยแค่ไหน 

A: ถ้าเป็นฟิลเลอร์ที่เราใช้จะอยู่ได้นาน 18-24 เดือน ด้วยคุณภาพตัวยาที่ได้มาตรฐาน แต่ HA จะค่อยๆหายไปตามการเสื่อมสภาพผิวและอายุที่มากขึ้นที่ละเล็กทีละน้อย ถ้าเป็นคนไข้ที่ซีเรียสเรื่องความเป๊ะของใบหน้าก็จะแนะนำให้ฉีดทุกๆ 9-12 เดือน

Q: ต้องฉีดกี่ cc หรือใช้ยาแค่ไหนดี

A: ด้วยแนวทางการออกแบบให้ใบหน้าสวยดูเป็นธรรมชาติ การพิจารณาว่าจะฉีดแค่ไหนจะดูองค์ประกอบโครงหน้า มิติใบหน้า การขยับเคลื่อนของกล้ามเนื้อ การแสดงสีหน้าต่างๆเป็นสำคัญ ดังนั้นการแก้ปัญหาคนไข้แต่ละเคสจึงขึ้นกับความเหมาะสมเป็นหลัก ไม่ฉีดยาน้อยเกินหรือมากเกินไป ฉีดมากไปก็ไม่ดีเพราะการใช้ cc ที่มากไปจะทำให้ใบหน้าดูเต็มเกิน บางที่เน้นแค่การขายโปรโมชั่นให้ลูกค้าซื้อแยอะเพื่อได้ราคาถูกแล้วอัดยาให้หมดๆไปโดยไม่ดูวัตถุประสงค์ของคนไข้ที่มาแก้ปัญหาเลย 

Q: ถ้าไม่เคยฉีดใต้ตามาก่อนเลย จะฉีดอย่างไรดีค่ะ

A: โดยส่วนใหญ่สำหรับคนไข้ที่ไม่เคยฉีด ทางเราแนะนำให้ทำทีละ 1 cc ลองดูก่อน เพราะจะได้เรียนรู้ว่าทำไปแล้วเป็นอย่างไร ใบหน้าดูอิ่มสวยหรือชอบไหม ถ้ายังรู้สึกอยากเติมอีกก็ค่อยมาทำทีหลังเพิ่มได้  

Q: อยากซื้อยาตามอินเตอร์เนตเอง แล้วมาให้หมอฉีดให้ได้ไหม

A: เนื่องจากยาที่ทางคลินิกใช้เป็นยาที่นำเข้ามาโดยตัวแทนบริษัทยาอย่างถูกต้อง มีการผลิตจากแหล่งเชื่อถือได้ ซึ่งทางเราจะไม่ทราบเลยว่ายาที่คนไข้นำมาให้เป็นของแท้หรือยาเสมือน ทำอย่างถูกต้องหรือไม่ คลินิกเราคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย คุณภาพและผลลัพธ์ที่ดีเป็นหลัก เรามีประสบการณ์การฉีดมากว่า 15 ปีแล้ว กว่าจะเลือกเวชภัณฑ์ยาได้สักตัวต้องมีการเทส การเปรียบเทียบผลลัพธ์ มาตรฐานมาก่อน ดังนั้นเคสคนไข้ที่ต้องการฉีดโดยใช้ยาตัวเองคงต้องขออนุญาตไม่ทำการรักษาให้นะคะ   

สนใจการฉีดดูแลผิวหรือโปรแกรมแบบอื่นๆ

ฉีดผิวขาวใส

อัลเทอร่ากระตุ้นคอลลาเจน

Sculpsure ขจัดเหนียง

สนใจโปรโมชั่น


27 กันยายน 2564

ผู้ชม 8557 ครั้ง

Engine by shopup.com