Coolsculpting
Coolsculpting
เลือกอ่านสลายไขมันความเย็นแบบไม่ผ่าตัด
1. เช็คพุงคุณผ่านการรู้จัดไขมันทั้ง 3 ชั้นก่อน
2. สลายไขมัน Coolsculpting ไม่ใช่แค่ลดขนาดเซลล์ไขมันแต่เป็นการฆ่าทิ้ง
3. อะไรคือจุดเด่น สลายไขมันความเย็น coolsculpting?
4. เลือกสลายไขมัน coolsculpting กับเราต่างจากที่อื่นอย่างไร?
5. เช็คผลการรักษาด้วย coolsculpting
นี่คือปัญหาของคุณใช่ไหม? ออกกำลังกายแยอะแค่ไหน แต่รูปร่างสัดส่วนไม่ลดลงเลย ไขมันสะสมมากบริเวณท้อง หรือ พุง เอว สะโพก ต้นขา ต้นแขน อ้วน มีไขมันส่วนเกิน อยากหุ่นดีแต่ไม่ชอบการผ่าตัด ดูดไขมัน งดอาหารแต่ไขมันไม่ลงเลยมีแต่จะโทรมขึ้น |
รู้ปัญหาแล้วจะเลือกแก้ยังไงดีล่ะ??
เช็คพุงโดยรู้จักไขมันทั้ง 3 ชั้นใต้พุงเรา
โรคอ้วนลงพุง บอกเลยลดได้ยากมาก เคยสังเกตไหมแม้จะออกกำลังกายหรือลดอาหารแค่ไหนแต่พุงก็ยังคงเหมือนเดิมไม่ยุบไปไหน นั้นเป็นเพราะว่ากิจกรรมแต่ละอย่างไปดึงใช้พลังงานจากร่างกายในจุดที่ต่างกัน
ใต้ผิวพุงเรามีชั้นไขมันถึง 3 ชั้น และแต่ละชั้นจะมีเซลล์ไขมันก้อนเล็กใหญ่ขนาดต่างๆกันแทรกอยู่ใต้ผิว ชั้นที่มีเซลล์ไขมันแยอะสุดคือชั้นแรก
ชั้นที่ 1 ไขมันใต้ผิวหนัง (subcutaneous fat) ชั้นเนื้อนอกสุดที่ใช้มือหยิบดึงได้ การควบคุมอาหารให้เหมาะสมหรือออกกำลังกายจะทำให้เซลล์ไขมันมีขนาดเล็กลงแต่จำนวนยังคงเท่าเดิมไม่ได้หายไป ดังนั้นเมื่อเรากลับมากินทำให้เซลล์ไขมันโตขึ้นจึงกลับมาอ้วนเหมือนเดิม coolsculpting เป็นการนำความเย็นไปสลายเซลล์ไขมันในชั้น subcutaneous fat โดยเฉพาะ
ชั้นที่ 2 กล้ามเนื้อหน้าท้อง (ABDOMINAL MUSCLES) ชั้นกล้ามเนื้อจะช่วยพยุงผิวชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง หากกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรงก็จะไม่มีแรงพยุงผิวชั้นอื่นและอวัยวะภายในให้อยู่ทรงได้ดี และยิ่งเซลล์ไขมันในผิวชั้นไขมันใต้ผิวหนังน้อยลงเท่าไรก็จะทำให้มองเห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องชัดขึ้น
ชั้นที่ 3 ไขมันในช่องท้อง (VISCERAL FAT)
เป็นไขมันอันตรายที่สะสมอยู่ในช่องท้องที่เกิดจากการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยเกินไป แน่นอนว่าสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะมีไขมันในส่วนนี้สะสมอยู่น้อย ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะมีน้ำหนักมากก็ตาม ไขมันส่วนนี้สามารถละลายเข้าสู่กระแสเลือดไปสะสมตามอวัยวะต่างๆ
Coolsculpting กำจัดไขมันไม่ต้องผ่าตัดด้วยความเย็น สลายไขมันเซลล์ลูไลท์ด้วยเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน
ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินตามจุดต่างๆของร่างกาย แม้จะพยายามควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วก็ตาม แต่ไขมันที่สะสมไว้ก็ไม่ได้หายไปไหน โดยเฉพาะไขมันบริเวณ หน้าท้อง เอว ต้นแขน ต้นขา สะโพก เป็นต้น การสลายไขมันด้วยความเย็น coolsculpting อาจจะไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก แต่ Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีทางเลือกยอดนิยมช่วยฆ่าไขมันให้ตายจนสัดส่วนกลับมาดูดีฟิตได้โดยไม่ต้องการผ่าตัด
Coolsculpting เป็นการกำจัดเซลล์ลูไลท์ไม่ได้เป็นแค่การลดขนาดของเซลล์ การลดไขมันด้วยเครื่อง Coolsculpting นี้ ให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกับการดูดไขมัน แต่ต่างกันตรงที่คนไข้เจ็บตัวน้อยกว่า ไม่มีแผลเปิด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องใช้ยาชา อีกทั้งผิวหนังหลังทำยังเรียบเนียนไม่เป็นคลื่นตะปุ่มตะป่ำเหมือนการดูดไขมัน นอกจากนี้ผิวยังกระชับตึงกว่าการดูดไขมัน เพราะการสลายไขมันความเย็น Coolsculpting จะมีผลแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทำค่อยๆ กระชับเข้าพอดี ต่างจากการดูดไขมันที่จะทำให้ผิวภายนอกเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะไขมันจะค่อย ๆ ตายไม่ได้ตายชนิดเฉียบพลัน |
จุดเด่นการสลายไขมัน Coolsculpting
สลายไขมัน coolsculpting ดียังไง?
|
สมัยนี้ที่ไหนก็ทำสลายไขมันความเย็น แต่...
ประสบการณ์/มาตรฐาน/เครื่องมือรักษา ต้องสัมพันธ์กัน?
ทำไมต้องสลายไขมัน Coolsculpting ที่ศิวารินทร์ คลินิก
Silverine Clinic เป็นคลินิกที่มีประสบการณ์รักษาคนไข้สลายไขมันแบบไม่ผ่าตัดมาอย่างยาวนาน โดยเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีสลายไขมันเจ้าแรกๆของไทย มีโปรแกรมการดูแลสัดส่วนรูปร่างด้วยเครื่องมือการรักษาที่หลากหลาย ปลอดภัยได้มาตรฐาน ผู้เชี่ยวชาญผ่านการอบรมรักษาอย่างได้มาตรฐานที่สำคัญแนวทางการรักษาแบบ two way โดยแพทย์จะเป็นผู้วางแผนร่วมกับคนไข้ตามเป้าหมายในการลดสัดส่วนของแต่ละคนที่แตกต่างกันของแต่ละคนผ่านโปรแกรมการดูแลเฉพาะเจาะจงรายไป มีการกำหนดเป้าหมาย ระยะเวลา การติดตามวัดผล แนะนำแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง
Tips..คำถามที่พบบ่อย @coolsculpting
Q: coolsculpting ต่างจากการดูดไขมันยังไง?
A: coolsculpting ไม่ได้เป็นการผ่าตัดหรือแทงเข็มเพื่อดูดเอาไขมันออกมา หากแต่เป็นการส่งพลังงานความเย็นในการฆ่าเซลล์ไขมันโดยมีเป้าหมายเจาะจงต่อการกำจัดเซลล์ไขมัน ไม่ทำลายหรือสร้างความเสียหายให้แก่เนื้อเยื่ออื่นๆวัตถุประสงค์แตกต่างจากการดูดไขมันที่ทำให้ร่างกายดูเล็กลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีอันตรายค่อนข้างมากเพราะมีการเสียเลือดและน้ำในร่างกาย อีกทั้งมีโอกาสที่จะทำให้ผิวหนังไม่เรียบเพราะเกิดการหย่อนคล้อยของผิวได้
Q: ทำ coolsculpting แล้วเห็นผลเลยไหม?
A: เซลล์ไขมันที่ถูกความเย็นแช่แข็งนั้นจะถูกร่างกายกำจัดโดยจำนวนเซลล์ไขมันจะลดลงประมาณ 25-30% ต่อการทำ 1 ครั้ง เซลล์ไขมันหลังกำจัดโดยปกติจะไม่มีการแบ่งตัวเพิ่มขึ้น หากเราควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไขมันก็จะไม่กลับมาอีก ผลลัพธ์จากการรักษาจะเริ่มเห็นผลใน 4-6 สัปดาห์และในเดือนที่ 2-3 จะเห็นผลชัดเจนที่สุด
Q: บริเวณไหนกำจัดไขมัน coolsculpting ได้บ้าง?
A: สามารถทำได้เกือบทุกจุดที่มีปัญหาการสะสมของไขมัน โดยเฉพาะไขมันที่กำจัดออกได้ยากไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยวิธีการคุมอาหาร ออกกำลังกาย บริเวณที่คนนิยมสลายไขมัน coolsculpting เช่น หน้าท้อง แผ่นหลัง เอว ต้นแขน ต้นขาทั้งด้านนอกและด้านใน รวมถึงหน้าอกคุณผู้ชายที่มีไขมันส่วนเกินด้วย
Q: ทำแล้วจะกลับมาอ้วนเหมือนเดิมไหม?
A: แม้การสลายไขมัน coolsculpting จะเป็นการกำจัดเซลล์ลูไลท์ไม่ได้เป็นแค่การลดขนาดของเซลล์ แต่หากไม่ควบคุมอาหารก็มีโอกาสที่ไขมันจะกลับมาใหม่ได้ดังนั้นหลังการรักษาจึงแนะนำให้คนไข้ ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายไปด้วยเพื่อรูปร่างที่สวยงามและสุขภาพแข็งแรง
Q: ใครไม่เหมาะกับการสลายไขมัน coolsculpting?
A: ผู้หญิงตั้งครรภ์ท้องแก่ ผู้ที่เป็นโรคไส้เลื่อน หรือผ่านการผ่าตัดใหม่ควรหลีกเลี่ยงการสลายไขมันความเย็นไปก่อน
Q: การสลายไขมัน coolsculpting เจ็บมากไหม?
A: ไม่เจ็บเลย แค่ระหว่างทำจะรู้สึกถึงแรงดึงนิดหน่อยและรู้สึกสัมผัสถึงความเย็นช่วงหัว applicator ปล่อยพลังงานใหม่ๆ หลังจากนั้นจะรู้สึกค่อยๆเย็นลดลง รู้สึกชาบริเวณที่ทำการสลายไขมันแทน หลังทำอาจมีอาการแดงๆช้ำประมาน 7วัน รู้สึกคันบ้างซึ่งเป็นอาการปกติหลังการรักษา แต่อาการเหล่านี้จะหายไปภายใน 2อาทิตย์
Q: การสลายไขมัน coolsculpting แพงไหม?
A: ค่าใช้จ่ายในการทำจะขึ้นกับบริเวณหรือจำนวนที่ทำการสลายไขมัน แพทย์จะเป็นผู้วางแผนร่วมกับคนไข้ตามเป้าหมายในการลดสัดส่วนของแต่ละคนที่ต่างกันไป
ปัจจุบันค่ารักษาในการสลายไขมัน coolsculpting มีราคาถูกลงมาก แนะนำให้ลองเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายแต่ละแห่งด้วย (เฉพาะคลินิกที่ใช้เครื่องแท้ในการรักษาเท่านั้น)
รูปถ่ายเปรียบเทียบผลการรักษา
(ผลลัพธ์จะดีที่สุดหลังการรักษา 2-3 เดือน)
Tips การทำ Coolsculpting จะมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับรักษาปัญหาไขมันเมื่อมีการประเมินวัดรูปร่างได้อย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ (มาตรฐานเครื่องมือแท้เท่านั้น) สำหรับคนไข้ที่ต้องการสลายไขมันในบริเวณที่เคยผ่านการผ่าตัดมาก่อนหรืออยู่ระหว่างตั้งครรภ์ควรแจ้งข้อมูลให้แก่แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง
#หน้าท้อง #ต้นแขน #ต้นขา #เอว #เหนียง |
20 พฤษภาคม 2563
ผู้ชม 104 ครั้ง