Thermage
Thermage
FAQ คำถามที่พบบ่อย
1. Thermage หรือ Ultherapy ยกกระชับแบบไหนดีกว่า?
2. ผิวที่ร่วงโรยตามวัย ทำ Thermage แล้วช่วยได้ยังไง?
Thermage
นี่คือปัญหาคุณใช่ไหม? | สนใจขอคำปรึกษาและแพคเกจ | |
ผิวหน้าหย่อนคล้อย | หน้าฉุๆบวมๆ ไขมันเยอะ | |
เริ่มมีริ้วรอยเล็กๆบาง หรือรอยลึกแต่กลัวการฉีดแก้ | หนังตาบนเริ่มหย่อนร่วงจนชั้นตาหาย หนังตาบวม | |
ท้องแตกลายหลังคลอด | ผิวบริเวณคอหย่อนยาน | |
ผิวทั่วตัวไม่กระชับอายุเยอะ ผิวไม่สวยเต่งตึง | อยากมีใบหน้าเรียวได้รูป กระชับสวย | |
ผิวที่ขา หน้าท้อง สะโพกแตกลาย จากเคยอ้วนมาก่อน |
รู้จักกับ Thermage ก่อน
จะเรียกว่าเป็นเครื่องมือซื้ออายุผิวก็ไม่แปลกนัก ปกติคอลลาเจนจะถูกสร้างขึ้นบริเวณชั้นผิวอย่างเป็นธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้นผิวจะร่วงโรยตามวัยทำให้การผลิตคอลลาเจนได้น้อย Tharmage เป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียวเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนในชั้นผิวหนังทุกระดับโดยปล่อยพลังงานในลักษณะ volumetric heat ให้เกิดพลังงานความร้อนอุณหภูมิ40-42องศา ซึ่งพิสูจน์แล้วพบว่าสามารถทำให้เกิด collagen remodeling ได้ ผลลัพธ์ทำให้ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ กลับมาแข็งแรงมีความยืดหยุ่น มีน้ำมีนวลเต่งตึงและกระชับได้ดีอีกครั้ง ที่สำคัญเทอมาจยังไม่ทำลายชั้นผิวให้เกิดการไหม้ เนื่องด้วยเทคโนโลยี cryogen ที่ช่วยปล่อยความเย็นอย่างรวดเร็วในขณะทำหัตถการด้วย
วิธีการทำงาน
|
ทำไมต้องทำ Thermage ที่ศิวารินทร์ คลินิก
ประสบการณ์แพทย์ในการลงมือรักษาคนไข้ด้วยเทอมาจมากกว่าแสนชอต ซึ่งแพทย์เราใช้หลักการยกกระชับปรับตามเวคเตอร์รูปหน้าของแต่ละคนเป็นหลัก เพื่อผลลัพธ์ที่ทำออกมาแล้วรูปหน้าดูอ่อนโยนเป็นธรรมชาติ ยกสวยได้ดีที่สุด ปลอดภัย ไม่มีเรื่องผิวหนังไหม้และทำไม่ได้ผล เครื่องมือทันสมัยอัพเกรดตลอด ใช้วัสดุสิ้นเปลืองอย่างดีพร้อมอุปกรณ์ใหม่แกะกล่องทุกชิ้น
ผลลัพธ์จากการรักษา
- ร่องแก้มตื้นขึ้น |
รูปถ่ายเปรียบเทียบผลการรักษาหลังทำทันที
(ผลลัพธ์จะดีที่สุดหลังการรักษา 2 เดือน)
Tips การทำ Thermage นับว่าเป็นนวัตกรรมที่ได้ผลคุ้มค่า เพราะทำเพียง 1 ครั้ง ก็สามารถดูอ่อนเยาว์ลงได้เป็นเวลานาน แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าจะยังไม่พบผลข้างเคียงในระยะยาวก็ควรให้ความสำคัญแก่สถานที่ให้บริการ เครื่องมือ และอุปกรณ์ก็ควรเลือกดูที่ได้มาตรฐานน่าเชื่อถือด้วย เพื่อความคุ้มค่าสมราคากับเงินที่ต้องจ่ายไป
การทำงานระหว่าง Thermage และ Ulthera แตกต่างกัน ดังนี้
Thermage ใช้คลื่นวิทยุส่งผ่านความร้อนไปยังชั้นหนังแท้ เพื่อทำให้คอลลาเจนที่หย่อยคล้อย กระชับตัว และดึงผิวให้ตึงขึ้น นอกจากนี้ ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ เรียบเนียน ริ้วรอยลดลง
Ulthera ใช้คลื่น Ultrasound หรือคลื่นเสียง ยิงลงไปเป็นจุดๆถี่ๆ มีความสามารถในการทะลุทะลวงไปถึง ชั้น SMAS เสมือนไปเย็บเนื้อเยื่อชั้น SMAS ที่อยู่ใต้ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ที่หย่อนคล้อย ให้ตึงขึ้น ซึ่งจะดึงให้คอลลาเจนบนผิวชั้นบนให้มีความกระชับมากขึ้นตามไปด้วย จึงทำให้ใบหน้ายกขึ้น
เนื้อเยิ่อ SMAS คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรเนื้อเยิ่อ SMAS คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรเป็นแผ่นเนื้อเยื่อพังผืด มีความเหนียว และหนา อยู่บริเวณใต้ชั้นไขมันผิวหนัง ซึ่งเวลาทำศัลยกรรมดึงหน้า นั่นก็คือ ทำลงมาถึงชั้น SMAS ซึ่งเปรียบเสมือนตาข่ายรองรับผิวหนังชั้นบน การดึงชั้น SMAS ให้ตึงจะทำให้ผิวชั้นบนเหมือนถูกดึงให้ตึงไปด้วยเทคโนโลยีแบบไหนดีกว่ากันสรุปได้ว่า • Thermage เหมาะกับคนที่มีไขมันบริเวณหน้าเยอะ ต้องการกระชับบริเวณเหนียง ใต้คอ หรือบริเวณแก้มที่ห้อยย้อย • ส่วน Ulthera เหมาะกับคนที่ไม่มีไขมัน แต่ผิวหนังหย่อนคล้อย ต้องการกระชับใบหน้าให้ตึงขึ้น เห็นผลได้ชัดกับบริเวณรอบดวงตา จึงมีการใช้ Ulthera ในการยกคิ้ว ยกหนังตา
จุดเด่นยกกระชับ Ultherapy |
Check list 7 คำถามตั้งต้น รักษาด้วย Thermage หรือ Ulthera ดีกว่า?
1. เข้าใจปัญหาหรือผลลัพธ์ที่ต้องการจากการรักษา ต้องชัดเจนก่อนว่าตัวเราต้องการอะไร อยากหน้าเรียว หน้ากระชับ อยากลดแก้ม หรือแก้ปัญหาริ้วรอย เป็นต้น เช่น เรารู้ว่าต้องการรักษาแก้ปัญหาริ้วรอยเป็นหลักแต่ก็อยากดึงหน้าให้เรียวขึ้นด้วย ก่อนอื่นให้มาสำรวจผิวหน้ากันก่อนโดยดูผิวหน้าหรือลักษณะใบหน้าว่ามีริ้วรอยแบบไหนบ้าง ริ้วรอยไม่ลึกมาก ริ้วรอยเล็ก หน้าย้วยบาน บวม มีแฟตแยอะ อาจเหมาะกับการรักษาด้วยการทำเทอมาจมากกว่า แต่สำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ปัญหากล้ามเนื้อ การทำอัลเทอร่าอาจตอบโจทย์ช่วยให้หน้ากระชับกว่า เนื่องจากคนไข้ต้องเข้าใจก่อนว่าการทำ Thermage กับทำ Ulthera นั้นใช้คลื่นที่แตกต่างกันในการรักษาและรักษาในชั้นผิวที่แตกต่างกันการทำ Ulthera จะใช้คลื่นเสียงรักษาบริเวณผิวชั้นลึกผิวชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างพังผืดใต้ผิวหนังที่ช่วยพยุงโครงร่างผิวหนังไว้ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัด สำหรับการทำ thermage จะใช้คลื่นวิทยุ รักษาบริเวณชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งอยู่บนชั้นผิว SMAS ดังนั้นการรู้ความต้องการหรือแจ้งปัญหาอย่างถูกต้องตรงจุดก็จะทำให้การรักษาด้วย ulthera หรือ thermage มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ทนเจ็บได้แค่ไหน อยากสวยก็ต้องยอมทน ดูจะเป็นคำพูดที่ไม่ผิดนัก แม้ทั้งเทคโนโลยีของ Thermage กับ Ulthera จะไม่ต้องพักฟื้น หรือผ่าตัด แต่ก็ต้องเข้าใจก่อนว่าเทคโนโลยีทั้งสองถูกออกแบบมาเพื่อยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการจะบอกว่าระหว่างทำการยกกระชับหน้ารักษาด้วย Thermage หรือ Ulthera ผู้ทำการรักษาจะไม่รู้สึกอะไรเลย คงจะเป็นคำพูดเกินเลยไปนัก เอาง่ายๆ ยิ่งแก้ปัญหาผิวชั้นที่ลึกกว่าก็ต้องเจ็บมากกว่าเป็นธรรมดา ถ้าให้แนะนำคนไข้ที่อยากสวยแต่ไม่สามารถทนเจ็บได้เลย ก็ให้เลือกทำเทอมาจแทนคะ
3. ต้องการยกกระชับผิวหน้าบริเวณไหนบ้าง ปัญหาผิวแต่ละคนแต่ละบริเวณไม่เหมือนกัน เช่น ถ้าคนไข้มีปัญหาเปลือกตา หรือริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก ก็คงไม่สามารถยกกระชับหน้าด้วยทำ Ulthera ได้ เพราะเป็นบริเวณผิวบางที่ไม่มีกล้ามเนื้อ ดังนั้นขีดจำกัดของเครื่องมือที่ใช้รักษาเองก็มีผลต่อแนวทางการรักษา แต่เราสามารถเลือกที่จะผสมผสานการใช้เทคโนโลยีทั้งสอง Thermage กับ Ulthera ในการรักษาด้วยกันได้ แถมยังมีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นด้วย
4. ความยืดหยุ่นในการรักษา อย่างที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ว่าการทำ Thermage กับ Ulthera นั้น สามารถใช้ร่วมกันได้ ถึงแม้จะเป็นเครื่องมือที่มีวัตถุประสงค์ช่วยยกกระชับผิวหน้าเหมือนกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะเหตุนี้ Thermage กับ Ulthera จึงเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่เกื้อกูลกันมากกว่าที่จะมาใช้ทดแทนกัน เน้นผลการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนั้น คนไข้ที่คิดว่าอยากจะรักษายกกระชับผิวหน้าด้วยเครื่องมือทั้งสองประเภท จึงต้องพิจารณาปัจจัยความพร้อมของคลินิกที่ให้บริการด้วยว่ามีเครื่องมือทั้งสองประเภทนี้หรือไม่ ส่วนใหญ่คลินิกที่ให้บริการรักษาด้วย Thermage กับ Ulthera ทั้งสองอย่างจะมีจำนวนไม่มาก เนื่องจากเครื่อง Thermage และ Ulthera เป็นเครื่องมือที่มีราคาสูง การสำรวจความพร้อมจึงเป็นเรื่องจำเป็นเพราะคงไม่ดีแน่ ถ้าจะรักษากับแพทย์หรือคลินิกคนละแห่งที่มีเครื่องมือประเภทนี้ เนื่องจากมีผลต่อความต่อเนื่องและความเข้าใจของแพทย์ผู้ให้การรักษาก็แตกต่างกันไปด้วย
5. งบประมาณที่ใช้ในการรักษา แท้จริงแล้วหากเทียบราคาต่อชอตที่ใช้ในการรักษา ระหว่างเทอมาจกับอัลเทอร่าคงไม่ต่างกันนัก เนืองจากราคาเครื่องมือที่ใช้รักษาก็ประมาณ 4-5 ล้านบาทพอกัน ดังนั้น ค่าใช้จ่ายที่ใช้รักษาด้วยการทำ Thermage และทำ Ulthera จึงสูงตาม ประกอบกับการรักษายกกระชับผิวหน้าด้วยเทอมาจหัวใหม่แบบ CPT จะมีจำนวนชอตขึ้นต่ำเริ่มที่ 600 ชอต เนื่องจากหัวที่ใช้ยิงใบหน้าคนไข้ถูกออกแบบมาแบบนี้ ทำให้พอคำนวณมาเป็นตัวเงินจึงสูงกว่า แต่ในขณะที่การทำ Ulthera จะสามารถกำหนดจำนวนชอตที่ใช้รักษาได้ เช่น วันนี้อยากทำแค่ลดแก้มหรือยกผิวบริเวณคิ้วก่อน ซึ่งการทำ Ulthera สามารถทยอยเข้ารับการรักษาเป็น part ไป จึงทำให้การรักษาใช้เงินไม่มาก
6. ระยะเวลาที่เห็นผลจากการรักษาและความยาวนานของผลการรักษาจากการยกกระชับผิวหน้า จากรายงานผลการวิจัยพบว่า ความคงทนของผลลัพธ์จากการรักษาไม่แตกต่างกันมากนัก โดยพบว่าหลังจากรักษาด้วยการทำ Thermage หรือทำ Ulthera แล้ว จะเห็นผลการรักษาทันทีประมาณ 20-30% จากนั้นจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ และจะเห็นผลเต็มทีหลังจากทำ 3-6 เดือน และผลจะคงอยู่นานถึง 1-2 ปี ตามสภาพผิวและการดูแลของแต่ละคน
7. ความปลอดภัยและระดับความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีผู้ผลิต จริงๆทั้งสองเทคโนโลยีมีต้นกำเนิดจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา และผ่านการรับรองมาตรฐานระดับที่เรียกได้ว่าเป็น Gold Standard ทั้งคู่ ดังนั้นผู้อุปโภคสามารถมั่นใจในคุณภาพได้แน่นอน แต่ถ้าจะเจาะจงลงไปยังบริษัทผู้ผลิต Thermage จะผลิตโดย Solta Medical ซึ่งก่อตั้งตั้งแต่ปี 1996 และมีเครื่องมือเลเซอร์ชั้นนำกว่า 10 แบรนด์ ส่วนบริษัทผู้ผลิต Ulthera เพิ่งขายกิจการให้แก่ Merz Aesthetic ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและผู้ผลิตอุตสาหกรรมยาชั้นนำของสหรัฐฯเช่นกัน
10 ตุลาคม 2562
ผู้ชม 138 ครั้ง